วันนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของ
เห็บ หมัด ในสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว
หรือสัตว์ที่มีขนแล้วมีปัญหาพวกเห็บหมัดรบกวน วันนี้เราก็จะมาพูดคุยหรือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการที่จะดูแลว่าทำอย่างไรไม่ให้เห็บหมัดนั้นเข้ามารบกวนสัตว์เลี้ยงของเราซึ่งอาจจะก่อให้เกิดโรค
ปัญหาต่างๆตามมาอีกเยอะแยะมากมาย เห็บหมับ ถือว่าเป็นปรสิต สิ่งที่เป็นพาหะนำโรคอื่นๆเข้ามาสู่สัตว์เลี้ยงของเราได้
หินแร่ภูเขาไฟที่ใช้ในการกำจัดเห็บหมับ
หินแร่ภูเขาไฟมีส่วนประกอบของหินควอตซ์ หินเฟลด์สปาร์หรือพวกหินเขี้ยวแก้วหนุมาน
คือถ้าบดละเอียดระดับ 100 เมด 200 เมด เกือบๆจะเป็นเหมือนแป้งฝุ่น
แป้งมันที่ใช้ทำขนม แป้งฝุ่นที่ใช้ปะแป้ง เวลาบดละเอียดความคมคลายของหินเขี้ยวแก้วหนุมาน
ของควอตซ์ พวกเฟลด์สปาร์ หินภูเขาไฟแท้ๆ
ถ้าเราบดแล้วไปวางบนกระจกแล้วมองให้สะท้อนกับแสงแดดจะเห็นเหมือนกระจกหรือกากเพ็ชรจะแวววาววิบวับคุณสมบัติตัวนี้ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
เวลาคนเขาจะเพาะเห็ดมีไรในก้อนเห็ดพวกไรดีดหรือแม้กระทั่งพวกไรแดงไรไก่เห็บหมัดสุนัขต่างๆสัตว์พวกนี้เป็นกลุ่มของพวกไรแดง
ไรน้ำจืด หรือพวกอาร์ทีเมียที่ขายตามสวนจตุจักนำไปเลี้ยงพวกปลาสวยงามคือเป็นกลุ่มคัตตาเซียน
ระยาง มีแขนขา และมีคนเล็กๆอยู่ในตัว เวลาเดินผ่านแล้วเจอกับผงของหินแร่ภูเขาไฟที่มีหินเขี้ยวแก้วหนุมาน
มีควอตซ์ มีเฟลด์สปาร์ เหมือนเดินผ่านคายของละอองข้าว คายของกากเพ็ชร
กากเพ็ชรเวลากระเด็นเข้าตาเกิดอาการละคายเคือง สัตว์ที่มีตัวเล็กๆเวลาผู้เพาะเห็ด
เวลาบ่มก้อนก่อนจะนำไปเปิดดอก ส่วนใหญ่ไรในเห็ดก็จะมาระบาดช่วงนี้
คนที่มีประสบการณ์เขาก็จะใช้ตัวภูไมท์โรยบนบ่าก้อนเชื้อ โรยทุกก้อน
บางคนก็ไปผสมกับพวกขมิ้นชัน ไพร ฟ้าทลายโจร ตะไคร้หอม กานพลู
เป็นผงสมุนไพรที่มีกลิ่นในการทำให้พวกแมลงศัตรูเห็ด ไม่ชอบและไม่เข้ามา
แต่ยังฝืนดื้อดึงก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเราทำก้อนเห็ดเชิงเดี่ยว
เดินเข้ามาทนกลิ่นได้ก็เข้ามาทนไม่ได้ก็อพยพไปที่อื่น เข้ามาเจอผงสมุนไพรบวกกากของหินภูเขาไฟ
ไม่ว่าจะเป็นภูไมท์ พูมิช สเม็คไทต์ ม้อนโมริลโลไนท์ ไคลน็อพติโลไลท์
ก็จะทำให้มาเจอกับความระคายเคืองของพวกควอตซ์ พวกเฟลด์สปาร์
พวกหินเขี้ยวแก้วหนุมาน ก็ทำให้ไม่สะดวก ไม่สบาย ระคายเคือง และค่อยๆอพยพ ลดจำนวน
เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว
สมัยก่อนเรามีการใช้หินแร่ภูเขาไฟจากประเทศไทยโดยได้สัมปทานบัตรจากภาครัฐที่เทือกเขาฟารมีกับเทือกเขาพนมฉัตร
ความจริงแล้วหินแร่ในประเทฯศไทยมีหลายที่ หลายจังหวัด มีประมาณ 50 กว่าแห่ง
แต่แถวบุรีรัมย์ แถวทุ่งกุลาร้องไห้ มันลักษณะเป็นภูกระโดง พ่นไปทางนู้นที ทางนี้ที
มันไม่ไหลเป็นลาวาเอิบอาบและก็ตั้งกองเป็นภูเป็นเขาทำให้การทำเหมือง สัมปทาน
ก็จะลำบาก แต่ก็มีกระจัดกระจายมากพอที่จะทำให้นักการเมืองแถวนั้นซื้อเอาไปทำถนน
ก่อสร้าง จนร่ำรวย มีชื่อเสียง เหมือนในปัจจุบัน เราได้สัมปทานจากเทือกเขาฟารมี
เทือกเขาพนมฉัตร ซึ่งท่าน อ.ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ เป็นผู้ที่บุกเบิก
การนำหินแร่ภูเขาไฟ มาใช้ในการเกษตร ในเห็ด ในการเลี้ยงกุ้ง ปลา สัตว์น้ำ
รวมถึงปศุสัตว์ทั้งหลายด้วย
เราก็ใช้หินแร่ภูเขาไฟที่ลพบุรีแล้วนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ จ.ฉะเชิงเทรา
มาผลิตที่ จ.ฉะเชิงเทราอยู่ระยะหนึ่งเนื่องจากมีความต้องการสูงจากผู้บริโภค ผู้ใช้
ผู้ทำการเกษตร ทำให้พื้นที่การผลิตสมัยนั้นประมาณ 5 คูหา
และมีพื้นที่ด้านหลังอีกก็ไม่พอ จึงต้องขยับขยายไปที่ จ.อ่างทองพอขยับมาที่
จ.อ่างทอง ก็สะดวกสบายและก็ทำและมีสัตว์เลี้ยงคือ สุนัข
ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้ว่าเราชอบและรักสุนัขส่วนใหญ่จะเอาลูกสุนัข ลูกแมว
มาปล่อยไว้หน้าโรงงาน เราก็จะรับเลี้ยงทั้งหมด เคยมากสุดหลาย 10 ตัว เกือบ 50 ตัว
การดูแลรักษาสุขอนามัยก็ลดน้อยถอยลงเพราะว่าดูไม่หมด
สุนัขบางตัวก็ไปที่โรงงานไปเยี่ยมก็คล้ายๆท้าวแสนปมก็เคยทำบาปมาเยอะเคยดึง
ได้หลายร้อยตัว และก็ทำลายอาจทำให้มีบาปกรรมกับเห็บเยอะพอสมควร
ใส่ในกระป๋องบางทีมันก็เดินขึ้น สมัยนั้นเราเคยทำ
ไบโอดีเซลด้วยจากปาล์มน้ำมัน เราก็เอาไบโอดีเซลใส่
คือเห็นมันมาเกาะที่ตัวสุนัขแล้วก็เห็นมันไม่สบายก็พยายามไปช่วยจับเห็บหมัดและให้น้องๆดูแล
ก็ใช้หลากหลายวิธีเนื่องด้วยมันเยอะมาก สุนัขก็เยอะ อะไรก็เยอะ สมัยนั้นก็ยังไม่มีเรื่องยาป้องกันเห็บหมัดในการกิน
ในการหยด รู้สึกว่าจะมีแต่การหยดแต่ก็สมัยนั้นก็ไม่แน่ใจว่าหยดเป็นบางตัวหรือป่าวแต่ที่แน่ๆคือมีปัญหากินก็แล้ว
ฉีดก็แล้ว ก็ยังมีเห็บหมัด แต่พอโรงงานปั้นหินแร่ภูเขาไฟมันก็จะมีผงละอองภูเขาไฟ
เวลาเขาบด เขาปั้นเม็ด ทำให้มีภูเขาไฟเต็มพื้นที่ของโรงงาน
สุนัขเวลาเขาปั้นเม็ดกองเม็ดมันก็ขึ้นไปนอนบนกองของที่ปั้นเม็ดภูเขาไฟแล้วก็ไปคลุกคลี
มันคงไปอยู่แล้วมีความสุข ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้สังเกตอะไร
เริ่มสังเกตได้ประมาณสัก 6-7 เดือน ปกติเห็บจะเดินเวลาระบาดมากเห็บบี้ตัวหนึ่งเลือดของเห็บมันก็จะกระจายขยายพันธุ์อีกนับร้อยนับพันตัวและทำให้เห็บ
บ้านพักคนงาน
รวมถึงสถานที่ที่จะเอาหินแร่ภูเขาไฟไปผลิตเห็บจะอยู่ตามซอกตามหลืบตามกระเบื้องตามวงกบประตูเยอะแยะมากมายคือเรียกว่าหาเท่าไรก็ไม่หมดจึงเป็นที่มาว่ามันไม่หมดจริงๆ
แต่พอผ่านไป 6-7 เดือน เรารู้สึกว่าเห็บที่มันอยู่ตามพื้นตามอะไรเวลาเรานั่งมันจะเดินไต่ยั้วเยี้ยมันไม่มี
เมื่อไม่มีเราก็ไปดูที่ตัวสุนัข ปรากฏว่าสุนัขก็ไม่มีเห็บ
จำนวนเห็บลดน้อยถอยลงไปมากกว่า 90%
จึงเป็นที่มาว่าเราก็เลยลองเอาหินแร่ภูเขาไฟที่เป็นผงเราลองเอามาผสมน้ำ
คลุก และก็อาบเจ้าสุนัขทุกตัวทำแบบนี้อาบทุกตัว
ผลพลอยได้จากการที่เราจะไปกำจัดเห็บหมัดขนเขาจะแข็งและนิ่มใหม่ๆอาจจะไม่นิ่มแข็งแล้วก็เงางามเวลาเราใช้หินแร่ภูเขาไฟผสมน้ำอาจจะใช้ครึ่งกิโลกรัมกวนในกะละมังแล้วก็เอามาโปะขนแล้วขยำร่วมกับผงซักฟอกหินเขี้ยวแก้วหนุมาน
พวกควอตซ์ พวกเฟลด์สปาร์ เวลาสัมผัสกับสุนัข เห็บไม่มี ผลพลอยได้ที่บอกคือได้ out put และ
out come คือกลิ่นสาบของสุนัขก็ลดน้อยถอยลงหลักการนี้สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับพวกหมู
ถ้าไม่ต้องการให้หมูมีกลิ่นเหม็นที่ผิวหนังที่แน่ๆยืนยันเลยว่าเอาหินแร่ภูเขาไฟไปโรยตามซอกตามพื้นกลิ่นต่างๆก็จะหายใส่ในห้องน้ำก็ยังได้
ในห้องน้ำที่มีกลิ่นเหม็น แต่ที่แน่ๆเห็บหมัดในสุนัขไม่มีแล้วขนจะเงางาม
มันก็หายคันเพราะว่าหินภูเขาไฟมันระคายเคืองกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่มันพอเหมาะพอดีกับผิวหนังแต่มันไปถูมันก็จะคันไม่ได้ทำให้ผิวหนังนั้นเกิดบาดแผลอะไรที่เป็นอันตราย
ขนจะนิ่ม ใหม่ๆอาจจะแข็ง
กระด้างมือนิดหนึ่งแต่พอผ่านไปขึ้นอยู่กับแชมพูถ้าใช้แชมพูดีก็จะไม่มีปัญหาพูดจากประสบการณ์ตรงในอดีตว่าเวลาในพื้นที่แอเรียที่มีหินภูเขาไฟอยู่
เห็บหมัดต่างๆก็จะลดน้อยถอยลง
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปอลดสารพิษ www.thaigreenagro.com
