ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสสื่อในโลกโซเชียลออนไลน์ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อการสร้างรายได้ค่อนข้างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการวางกลยุทธในด้านการตลาดของแต่ละบริษัทที่ต้องการกระจายและเพิ่มรายได้ในหลากหลายช่องทาง
เช่น ยูทูป (Y0utube) ติ๊กต๊อก (Tiktok) เฟซบุ๊ค (Facebook) อิสตาแกรม (Instagram) เลม่อน8 (Lemon8) และเว็บไซต์ต่างๆ
ไม่ใช่แค่บริษัทที่สามารถทำการตลาดแบบนี้ได้
บุคคลประชาชนทั่วไปก็สามารถสร้างกระแสและหารายได้ผ่านช่องทางนี้ได้ไม่ต่างกัน
เพียงแค่คุณ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก กล้าน้อมรับในกระแสเชิงลบ
และทำความเข้าใจกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเอง
พอคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วทางบริษัทไทยกรีนอะโกร
ขอเป็นอีกกระบอกเสียงหนึ่งที่จะช่วยให้คุณทันกระแสในโลกของ “การเกษตรสมัยใหม่”
ที่จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาปลูกต้นไม้แถมยังช่วยสร้างรายได้ได้อีกด้วยนั้นก็คือ
“การกักเก็บคาร์บอนเครดิต”
“ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความรู้จักและเข้าใจกันก่อนว่าคาร์บอนเครดิตคืออะไร?
แล้วสร้างรายได้อย่างไร? เป็นการเกษตรสมัยใหม่อย่างไร? ” แน่นอนว่า วันนี้! ทางบริษัทไทยกรีนอะโกรมีคำตอบมาให้ทุกคนที่มีความสนใจอย่างแน่นอนค่ะ
สาระน่ารู้คาร์บอนเครดิตในแบบฉบับไทยกรีนอะโกร
การกักเก็บคาร์บอนเครดิตในดิน (Soil carbon seguestration) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศมากักเก็บไว้ในดิน
เพื่อลดการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจากกระบวนการสังเคราะห์แสงและนำคาร์บอนไปเก็บตามส่วนต่างๆของต้นไม้
ทั้งส่วนที่อยู่เหนือพื้นดินได้แก่ ลำต้น 62% กิ่ง 11%
และใบ 1% และส่วนที่อยู่ใต้ดินได้แก่ ราก 26% ด้วยเหตุนี้เอง “ดิน” จึงต้องมีศักยภาพเพราะพืชและต้นไม้ทุกชนิดส่วนใหญ่ดูดใช้ธาตุอาหารเพื่อเจริญเติบโตจากดินเป็นหลัก
อีกทั้งการปลูกต้นไม้กักเก็บคาร์บอนเครดิตยังช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ
(Global warming) อีกด้วย และคาร์บอนในดินยังช่วยส่งเสริมให้เม็ดดินมีความเสถียร
ส่งเสริมการระบายน้ำในช่องของอนุภาคดิน
และดินยังมีประสิทธิภาพในการอุ้มน้ำที่ดียิ่งขึ้น
ในส่วนคำถามที่ตามมา...แล้วเราสามารถสร้างรายได้ได้อย่างไร
?
ปัจจุบันประเทศไทยมีโครงการลดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ภาคสมัครใจ(T-VER) ในภาคป่าไม้ ภายใต้การกำกับขององค์การบริหารการจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน)
หรือ อบก.(TGO) เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจก
และสามารถนำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น หรือเรียกว่า
“คาร์บอนเครดิต” ไปชดเชยปริมาณคาร์บอนที่ปลดปล่อยในองค์กรณ์ต่างๆหรือขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกได้อีกด้วย
โดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนกับทางภาครัฐเพื่อกำหนดขั้นตอนในการปฏิบัติและทำการประเมินมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน
(Aboveground biomass) และมวลชีวภาพใต้พื้นดิน (Belowground
biomass) ด้วยเครื่องมือที่มีการพัฒนาและทันสมัย เพื่อส่งเสริมและกระจายรายได้ให้กับประชาชนและองค์กรในการรณรงค์โลกร้อนไปพร้อมกับการสร้างรายได้จาการเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยการปลูกต้นไม้
ในส่วนตรงนี้เราจะมายกตัวอย่างต้นไม้ที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนที่แตกต่างกันนะคะ
ยกตัวอย่างเช่น
-
ต้นกระถินณรงค์
สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 3.48 ตัน คาร์บอน/ไร่/ปี
-
ต้นสัก
สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 1.72 ตัน คาร์บอน/ไร่/ปี
-
ต้นพยูง
สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 1.36 ตัน คาร์บอน/ไร่/ปี
นอกจากนี้ยังมีต้นไม้อีกหลากหลายชนิดที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนเครดิตด้วยเช่นกัน
แต่เราเพียงแค่ยกตัวอย่างมาบางส่วนเท่านั้น
เพื่อจะได้ให้ผู้อ่านเห็นภาพและมีความเข้าใจในส่วนเนื้อหาที่ไม่กว้างจนจับประเด็นแทบไม่ได้
เราจึงเน้นเนื้อหาที่ครบถ้วนและสัดส่วนองค์ความรู้ที่เต็มเปี่ยมเพื่อตอบโจทย์ในทุกมุมมองที่ทันสมัย
ในส่วนของบริษัทไทยกรีนอะโกรจึงอยากช่วยผลักดันและช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้นธรรมชาติที่ปลอดสารพิษใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลงเพื่อลดต้นทุนในการซื้อวัสดุปลูกและดูแลต้นไม้อีกทั้งเราพร้อมที่จะช่วยให้คำแนะนำในการใช้วัสดุปลูกและการปลูกต้นไม้ให้ได้ประสิทธิภาพและยั่งยืน
ด้วยการเตรียมดินในแบบของไทยกรีนอะโกรโดยการใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ ทีจีเอโกลด์
ในการเตรียมดินในหลุมสำหรับไว้ปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
เพิ่มช่องว่างอากาศในดิน ช่วยให้ดินสามารถเก็บธาตุอาหารและอุ้มน้ำได้มากขึ้น
ส่งเสริมให้พืชมีการดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น แต่ในส่วนตรงนี้
แนะนำให้ใช้ควบคู่กับ ภูไมท์ซัลเฟตเหลือง สำหรับเตรียมดินปลูกก้นหลุมและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเสริมปุ๋ยเคมีในส่วนของไนโตรเจน
เพราะภูไมท์ซัลเฟตเหลืองมีธาตุอาหารหลายตัวแต่ไม่มีไนโตรเจนนั้นเอง แต่จุดเด่นของภูไมท์ซัลเฟตเหลือง
คือ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพดิน เช่น ดินกรด ดินด่าง ดินทราย ดินลูกรัง ดินเหนียว
หรือดินอะไรก็ได้ ดังนั้นจะใช้สำหรับในการเตรียมดินเพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชให้มีประสิทธิภาพนั้นเอง
หากมีข้อส่งสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้
จันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 08:00-17:00 น.ช่องทางติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.thaigreenagro.com Tel.0-2986-1680,092-774-4905
บทความโดย คนึงนิจ หอมหวล
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตรบริษัทไทยกรีนอะโกร (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
(อดีตนักศึกษาภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)