วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องของการปลูกข้าวโดยตั้งเป็นลักษณะของคำถามแบบว่าข้าวริมนากับข้าวกลางนา
อย่างไหนให้ผลผลิตดีกว่ากัน หรือว่ามากกว่ากัน ซึ่งวันนี้ก็อยากจะเชิญชวน พี่ ป้า
น้า อา ที่ปลูกข้าวมีประสบการณ์ผมคิดว่ารู้อยู่แน่นอน แต่ต้นเหตุและสาเหตุ
ทำไมมันดีหรือไม่ดีกันยังไงไม่แน่ใจ ถ้าใครรู้ก็ลองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องของการทำนา
ปลูกข้าว ริมนากับข้าวกลางนาแบบไหนให้ผลผลิตดีกว่ากัน
เพื่อนๆที่รู้แล้วก็ลองมาแชร์ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่าเหตุผลตรงกันไหม
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเห็นพื้นที่ในเขตภาคกลางก็เริ่มที่จะเตรียมแปลงกัน
แม้ว่าน้ำ สถานการณ์ ฤดูฝน เข้ามาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม
ดังที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาบอก แต่ฝนก็ยังไม่ได้มาแบบเป็น 100
กับตรงกันข้ามในพื้นที่ภาคกลางประเทศเรานั้นก็ยังประสบกับปัญหาภัยแล้งอยู่
ก็ต้องใช้บ่อบาดาล และมีการเลื่อนกำหนดให้มีการทำนา แต่ก็มีหลายพื้นที่
ที่สามารถที่จะเตรียมเทือกทำนาเป็นฤดูทำนาโดยปกติของคนไทยเป็นส่วนใหญ่ คือช่วงต้นฤดูฝนหรือสู่ฤดูฝน
เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่า ถ้าจะปลูกข้าวทั้งที ราคาก็ถูก ปุ๋ยก็แพง เศรษฐกิจก็ไม่ดี
ถ้าไม่คิดก่อนทำ กำไรก็จะไม่เหลือ
เพราะฉะนั้นเราต้องมาดูว่าการจะปลูกข้าวเราต้องวิเคราะห์ดูว่าข้าวในร่มกับข้าวกลางแจ้ง
ข้าวริมนา ข้าวกลางนา หรือข้าวที่มันหล่นอยู่กลางคันนา
ทำไมเขาถึงได้แตกกอใหญ่โตมากกว่าข้าวที่อยู่ในแปลงปลูก การตัดเลือกเมล็ดพันธุ์
การเตรียมดิน การทำความอุดมสมบูรณ์
ให้พร้อมต่อการที่จะให้เมล็ดข้าวนั้นงอกออกมาสร้างรากและรากสามารถเดินทำมาหากินได้
ผมคิดว่าในตอนนี้เราก็จะมาดูว่าการปลูกข้าวจะให้มันคุ้มค่า ผมก็เลยเอาประเด็นหลักๆว่าข้าวริมนากับข้าวกลางนา
อันไหนดีกว่ากัน ผมคิดว่าลุง ป้า น้า อา ที่ทำนามา 20-30 ปี ทราบอยู่แล้ว
ว่าข้าวริมนาจะมีการเจริญเติบโตที่ดีมาก ข้าวจะแกร่ง สูง รวงเยอะ แต่ข้าวกลางนาบางทีก็ต้นผอม
เล็ก ลีบ มีแต่ฟาง มีแต่ซัง แต่รวงน้อย ก็จะเฉลยว่าข้าวริมนาดีกว่าข้าวกลางนา
ข้าวริมนาที่ให้ผลผลิตดีกว่าเพราะเขาได้รับแสงแดด เขาเรียกรับแสงแดดที่มากกว่า
เขาได้รับออกซิเจน ได้มีระบบการระบายถ่ายเทอากาศดีกว่าข้าวที่แออัด
ยัดเยียดกันอยู่กลางนา เมื่อเรารู้ว่าข้าวอยู่ริมคันนาเป็นช่องว่างระหว่างแปลง
ข้าวอยู่ริมคันนาระหว่างแปลงเขาให้ผลผลิตดี แต่ข้าวกลางนาให้ผลผลิตไม่ดี
ส่วนหนึ่งต้นเหตุก็คือว่าใช้เมล็ดพันธุ์มากเกินไป
ปัจจุบันนี้เราสามารถที่จะลดเมล็ดพันธ์ลงมา ต่อให้เพื่อนๆทำอาชีพเกษตรไม่เป็นเลย
ไม่เก่งเลย สามารถใช้เมล็ดพันธุ์แค่ 1 ถัง ต่อไร่พอ
ถ้ายังงงอยู่ท่านต้องไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของชมรมเกษตรปลอดสารพิษว่าเขาทำกันยังไง
ไม่เป็นไม่เก่งเลยสามารถที่จะปลูกข้าว 1 ถัง หรือ 10 กิโลกรัมต่อไร่
และปล่อยให้เพื่อนๆเขาหว่าน 2 ถัง 2 ถังครึ่ง 3 ถัง ท่านสามารถที่จะเข้าไปปรึกษาหารือที่ไทยกรีนอะโกรฟาร์ม
จ.อ่างทอง เราทำมาแล้ว เก็บเกี่ยวแล้ว มาเป็นหลายสิบปีแล้ว
อันแรกเลยคือเมล็ดพันธุ์
ท่านต้องลดเมล็ดพันธุ์ให้น้อย และก็เตรียมดินวัดค่าความเป็นกรดและด่างให้ดี
แต่หัวใจของมันก็คือข้าวริมนาโปร่ง ใบตั้งชูสู้แสง อากาศถ่ายเทดี ในนาก็ต้องอย่าแน่น
ถ้าคนที่ใช้เมล็ดพันธุ์เยอะ เวลามันแตกกอช่วงอายุ 30 วัน พอแตกกอปุ๋ยก็ต้องอัดเยอะ
คนที่หว่าน 10 โลหรือ 1 ถังต่อไร่ปุ๋ยก็ใช้น้อยกว่า ใช้ปุ๋ยอาจจะแค่ 10 โล 20-30
โล คือปุ๋ยมันหนัก 50 โล อาจจะใช้แค่ครึ่งลูกต่อไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์เยอะสมมุติใช้ 3
ถัง หรือ 2 ถังครึ่ง ถังละ 300 หรือ ถังละ 250
แต่ผมอยากจะพูดตัวเลขกลมๆให้เพื่อนๆได้เห็นภาพ สมมุติถังละ 300 ใช้ 3 ถัง ก็ไร่ละ
900 บาท ถ้าเพื่อนๆทำนา 10 ไร่ก็ 9000 บาท
แต่ถ้าท่านใช้เทคนิคและวิธีการแบบไทยกรีนอะโกรหรือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
เหลือถังเดียวพอ เหลือถังเดียวต้นทุนหายไป 2 ถัง ถ้าถังละ 300
ของเมล็ดพันธุ์ก็ลดต้นทุนไป 600 บาท 10 ไร่ก็ 6000 บาท
ทำนายังไม่ทันเริ่มทำได้กำไร 6000 บาทแล้ว
ทำไมต้องใช้เมล็ดพันธุ์น้อยก็ข้าวริมนาดีกว่าข้าวกลางนา
ปุ๋ยก็ใช้น้อยเมื่อลดเมล็ดพันธุ์ แสงก็ส่องถึงเป็นข้าวริมคันนา แสงก็ส่องถึงได้ง่าย
ใบไม่พันกันเหมือนกระท่อมทองกวาว ในนาเราถ้าใบหนาอวบอ้วนชนกัน
เป็นกระท่อมทองกวาวให้กับเพลี้ยจักจั่น หนอน แมลงต่างๆเข้ามา เพลี้ยก็ชอบ
แมลงก็ชอบ หนอนก็ชอบเดินใส่ปุ๋ยในนาใบข้าวพันติดแข้ง ติดขา เพราะอัดปุ๋ยเยอะ
ก็ต้องซื้อยา ฆ่าเพลี้ย หนอน แมลง เพิ่มเงินอีกเป็นเท่าตัว
แต่ถ้าใช้เมล็ดพันธุ์แค่ถังเดียว ปลูกให้บาง
การที่หว่านเมล็ดพันธุ์บางจะมีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งเหมือนกันที่ไปส่งเสริมให้เพื่อนๆในอดีตที่ผ่านมา
ปัญหาของการหว่านบางถ้าคนทำเป็นสามีคนเป็นเมียก็จะด่า แต่ถ้าคนทำเป็นภรรยาผัวก็บ่น
เพราะ 20-30 วันแรกมันจะมีแต่ดินข้าวหล่อมแหลม มันบางมาก
เพราะว่าข้าวจะแตกกอช่วงอายุประมาณ 28-30 วัน คนที่หว่านหนาใช้เมล็ดพันธุ์เยอะ
ต้นทุนเยอะ หว่านหนาพอใบมันชนกันมันหยุดการแตกกอ
มันเลยทำให้คนที่หว่านหนาก็จะเป็นข้าวต้นเดียว
แต่ถ้าใครหว่านบางก็จะเหมือนข้าวริมคันนา หรือข้าวตกกลางนา 1 เม็ด จะแตกกอเป็นพุ่ม
มีไม่รู้กี่ต้น แต่ถ้าหว่านหนาแน่นทุนเมล็ดพันธุ์ก็เยอะ ทุนปุ๋ยก็แยะ
ทุนยาฆ่าแมลงปราบศัตรูพืชก็มากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นข้าวริมนากับข้าวกลางนา
ต้องจำเอาไว้ว่า หว่านบาง หว่านน้อย ให้เหมือนข้าวริมคันนา ต้นทุนลด
ต้นทุนเมล็ดพันธุ์ลดทุนปุ๋ยยาลด ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เพื่อนๆลองสังเกตคนที่ปลูกข้าวมานานแล้วเจอกับฤดูกาลที่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
ระบาดหนักมากในช่วงปี 2554 ที่มีหลวงพ่อแถว อ.สองพี่น้อง แถวบางปลาม้า ที่สร้างบูชา
วัตถุมงคล ยันต์กันเพลี้ย รู้ว่าเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
เขาจะเข้าทำลายแปลงนาที่อวบอ้วน อ่อนแอและลำต้นแน่น ไม่ใช่ลำต้นแข็ง
คือกอข้าวหนาแน่น ดังนั้นสิ่งสำคัญคือลองใช้วิธีการหว่าน วางแผนการคิดก่อนปลูก
ถ้ายังไม่รู้ ไม่เข้าใจลองปรึกษากับทางนักวิชาการของชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
ว่าวิธีการปลูกข้าวใช้เมล็ดพันธุ์ถังเดียวทำยังไง
หว่านได้ยังไงและการดูแลบำรุงรักษา เรามีความเป็นมืออาชีพ ทั้งจากประสบการณ์ตรง
ทั้งจากตำราวิชาการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเราค่อนข้างที่จะมีองค์ความรู้ได้พอสมควร
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปอลดสารพิษ www.thaigreenagro.com