คุณสมบัติทางเคมี
Typing Chemical Analysis
Silica 73.78%
Alumina 14.73%
Ferric Oxide 1.31%
Titanium Oxide 0.05%
Calcium Oxide 1.58%
Magnesium Oxide 0.27%
Sodium Oxide 2.04%
Potassium Oxide 5.15%
Water 0.49%
Loss in Ignitions 1.8%
Typing Chemical Analysis
Specific Gravity 0.18 kg/1
Colour White
Fusion Point 1260-1343 ?C
Softening Point 871-1093 ?C
Test by:กรมทรัพยากรธรณีกระทรวงอุตสาหกรรม
คุณสมบัติของธาตุประกอบต่างๆในเพอร์ไลต์
เมื่อดูผลวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุต่างๆและคุณสมบัติทางกายภาพของแร่เพอร์ไลต์สามารถสรุปแยกประโยชน์ได้ดังนี้
เพอร์ไลต์มีธาตุซิลิก้า(Si)ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับความชื้นได้ดีทำให้สภาพข้างเคียงโดยรอบชุ่มชื้นสะสมอยู่ในรากพืชมากช่วยทำให้พืชแข็งแรงต้านทานต่อความแห้งแล้งมีอยู่ในโครงสร้างของผนังเซลล์ช่วยลดการสูญเสียน้ำและทนทานต่อการติดโรคช่วยเพิ่มความเจริญเติบโตลดความเป็นพิษของธาตุแมงกานีสเหล็กอะลูมิเนี่ยมที่มีอยู่ในสารละลายดินมากเกินไปช่วยเพิ่มความหวานให้อ้อยและมีลำต้นแข็งแรงลดอัตราการระเหยของน้ำทำให้ต้นข้าวมีใบตั้งตรงรับแสงได้ดีรากสามารถรับอ๊อกซิเจนได้เพิ่มมากขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนดีขึ้นช่วยดูดซับธาตุฟอสฟอรัสและไนโตรเจน
เพอร์ไลต์มีธาตุอะลูมิเนียม(Al)และมีธาตุโซเดียม(Na)ธาตุจำพวกโซเดียมอะลูมิโนซิลิเกตมีคุณสมบัติในการปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างและยังสามารถดูดซึมก๊าซหรือสารประกอบอินทรีย์ต่างๆได้ดี
เพอร์ไลต์มีธาตุเหล็ก(Fe)ช่วยในขบวนการหายใจและช่วยในการสร้างคลอโรฟิลล์ในการปรุงอาหารของพืชและเป็นอาหารเสริมซึ่งพืชต้องการปริมาณน้อย
เพอร์ไลต์มีธาตุโพแทสเซียม(K)ทำให้เปลือกลำต้นแข็งแรงไม่หักโค่นหรือล้มง่ายช่วยกระบวนการสร้างน้ำตาลและแป้งที่สะสมในพืชช่วยในการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลไปยังส่วนต่างๆของพืชช่วยในการแบ่งเซลล์ช่วยให้พืชมีความต้านทานต่อโรคดีขึ้นผลที่ตามมาคือออกดอกติดผลดีแต่หากมีการเร่งดอกเร่งผลมากก็จะทำให้ต้นไม้นั้นทรุดโทรมและตายเร็ว
เพอร์ไลต์มีน้ำ(H2O)เป็นตัวประสานธาตุต่างๆให้อิ่มตัวทำละลายแร่ธาตุต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อพืชทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่พืชและบริเวณใกล้เคียง
สภาพทางกายภาพ
มีความโปร่งรูพรุนเป็นธรรมชาติและเมื่อได้รับความร้อนเพิ่มขึ้นก็จะขยายตัว5 – 20เท่าทำให้มีความโปร่งและเป็นโพรงเมื่อเข้าไปผสมอยู่ในดินก็จะทำให้ดินมีสภาพโปร่งสามารถดูดซับกลิ่นโดยเฉพาะแอมโมเนียและไฮโดรเจนซัลไฟด์ซึ่งจะเป็นปุ๋ยที่ดีของพืช
ความแข็งแรงทำให้สามารถพยุงเนื้อดินในการกดทับได้ดี
เนื่องจากมีเม็ดผลึกที่สม่ำเสมอขนาดเท่าๆกันประมาณ1 ? 2มม.ทำให้ความโปรงและร่วนซุยของดินดีและสม่ำเสมอเสมือนตัวกรองสารต่างๆทางธรรมชาติ
มีสภาพเป็นฉนวนกันความร้อนทางธรรมชาติเป็นการผ่อนคลายความร้อนที่สะสมตลอดวันให้แก่ต้นพืชและรากพืชที่อยู่ใต้ดิน